เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 1 ไปสู่นรก

ในเดือนมีนาคม 1976 ในขณะที่ดิฉันกำลังอธิษฐานอยู่ที่บ้าน ดิฉันได้รับการมาเยี่ยมเยือนขององค์พระเยซูคริสต์ ขณะที่ดิฉันได้ใช้จิตวิญญาณอธิษฐานมาแล้วหลายวันในขณะที่ในทันใดนั้น ดิฉันรู้สึกถึงการปรากฏตัวของพระเจ้าอย่างแท้จริง พลังอำนาจและสง่าราศีของพระองค์อบอวลอยู่ในบ้าน แสงสว่างที่เจิดจ้าทำให้ทั้งห้องสว่างไสว ซึ่งในห้องนั้น ดิฉันกำลังอธิษฐานอยู่ และความรู้สึกที่อ่อนหวานและมหัศจรรย์ในพระสิริได้เข้าปกคลุมดิฉัน
แสงสว่างกระจายเป็นทาง ลำแสงม้วนเข้าและม้วนออกเป็นลำแสงเดียวกันและม้วนเข้า และม้วนออกจากกันและกัน มันเป็นภาพที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง และแล้วพระสุรเสียงของพระเจ้าได้เริ่มต้นตรัสกับ ดิฉัน
พระองค์ตรัสว่า “เราคือพระเยซูคริสต์ พระเจ้าของเจ้า และเราปรารถนาที่จะให้เจ้าได้เห็นเพื่อที่จะได้เตรียมธรรมิกชนทั้งหลายไว้สำหรับการกลับมาของเราและทำการเปลี่ยนผู้คนมากมายไปสู่ความชอบธรรม พลังอำนาจแห่งความมืดนั้นเป็นความจริง และการพิพากษาของเราเป็นความจริง”
“บุตรของเราเอ๋ย เราจะนำจิตวิญญาณของเจ้าไปสู่นรกโดยฤทธานุภาพของเรา และเราจะสำแดงให้เจ้าได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายซึ่งเราต้องการที่จะให้โลกได้รู้ เราจะปรากฏตัวต่อเจ้าหลายครั้ง เราจะนำจิตวิญญาณของเจ้าออกไปจากร่างกายของเจ้าและนำเจ้าไปสู่นรกอย่างแท้จริง
เราต้องการให้เจ้าเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง และบอกเล่าถึงสิ่งที่เจ้าได้เห็นและถึงทุกสิ่งที่เราจะเปิดเผยต่อเจ้า เจ้าและเราจะเดินทางไปสู่นรกด้วยกัน จงทำการบันทึกสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นซึ่งได้เคยมีมาแล้วและกำลังจะมีมาอีก ถ้อยคำของเรานั้นเป็นความจริง เป็นสัจจะและเชื่อถือได้ เราเป็นอย่างที่เราเป็นอยู่ และไม่มีใครอยู่ข้างเรา ”
“พระองค์เจ้าข้า” ดิฉันร้องออกมา “พระองค์ต้องการที่จะให้ลูกทำอะไร “ ทั่วทั้งร่างของ ดิฉันต้องการที่จะร้องออกมาต่อพระเยซู เพื่อที่จะยอมรับการปรากฏตัวของพระองค์ สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ดิฉันสามารถอธิบายได้ ในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็คือการพูดว่าความรักได้เข้ามาครอบงำ ดิฉันไว้โดยทั่วตลอด มันเป็นความรักที่งดงามมากที่สุด มีสันติมากที่สุด มีความชื่นชมมากที่สุด และมีพลังมากที่สุดเท่าที่ดิฉันได้เคยรู้สึกมา
ถ้อยคำสรรเสริญพระเจ้าได้เริ่มหลั่งไหลออกมาจากดิฉัน ในทันใดนั้นเอง ดิฉันต้องการที่จะมอบชีวิตทั้งชีวิตของดิฉันให้แก่พระองค์เพื่อที่จะให้พระองค์ได้ใช้ชีวิตนั้นเพื่อที่จะช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นออกมาจากความผิดบาปของพวกเขา ดิฉันได้รู้ โดยพระวิญญาณของพระองค์ ว่าพระองค์คือพระเยซูคริตส์ พระบุตรของพระเจ้า ที่กำลังอยู่ในห้องกับดิฉันจริง ๆ ดิฉันไม่สามารถหาถ้อยคำใดที่จะมาบรรยายถึงการปรากฏพระวรกายของพระองค์ได้ แต่ ดิฉันรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า

“นี่แน่ะ ลูกของเราเอ๋ย” พระเยซูพูด “ เรากำลังนำเจ้าโดยจิตวิญญาณของเราไปสู่นรกเพื่อว่าเจ้าจะได้สามารถเขียนบันทึกเกี่ยวกับความจริงของนรกนั้น เพื่อที่เจ้าจะบอกแก่คนทั้งโลกว่านรกนั้นมีจริง และเพื่อการที่จะนำเอาคนที่หลงทางออกมาจากความมืดเข้าไปสู่แสงสว่างแห่งเสียงสวรรค์ของพระเยซูคริสต์ “
ในทันทีทันใดนั่นเอง วิญญาณของ ดิฉันก็ถูกนำออกมาจากร่างกายของ ดิฉัน ดิฉันได้ออกมาจากห้องของ ดิฉันพร้อมกันกับพระเยซูคริสต์และมุ่งไปสู่ท้องฟ้า ดิฉันได้รู้ว่าทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นกับ ดิฉัน ดิฉันมองเห็นสามีและลูก ๆ ของ ดิฉันกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านของเราข้างล่างนั่น
เหมือนกับว่า ดิฉันได้ตายไปแล้วและร่างกายของดิฉันได้ถูกทิ้งไว้ ณ เบื้องหลังบนเตียงในขณะที่วิญญาณของ ดิฉันกำลังไปกับพระเยซูคริสต์ผ่านเข้าไปทางด้านบนของบ้าน ดูเหมือนกับว่าหลังคาทั้งหมดกำลังเลื่อนถอยหลัง และดิฉันสามารถมองเห็นครอบครัวของดิฉัน กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของพวกเขา
ดิฉันรู้สึกถึงการสัมผัสของพระเยซูคริสต์ในขณะที่พระองค์พูด “อย่ากลัวเลย มันจะปลอดภัย” พระองค์ทรงล่วงรู้ความคิดของดิฉันนั่นเอง
ดิฉันจะพยายามใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อที่จะบอกท่านทีละขั้นทีละขั้นว่า ดิฉันได้เห็นอะไรและรู้สึกอย่างไร มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ ดิฉันเข้าใจไม่ได้ พระเยซูคริสต์ พระผู้เป็นเจ้าได้บอกความหมายของสิ่งเหล่านั้นมากที่สุดแก่ ดิฉัน แต่ก็มีบางสิ่งที่พระองค์มิได้บอก ดิฉัน
ครั้นแล้ว ดิฉันก็ได้รู้ และได้รู้แล้ว ณ บัดนี้ ว่าสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริง ๆ และมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ได้แสดงสิ่งเหล่านั้นให้ดิฉันได้เห็น ขอสรรเสริญพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ผู้คนทั้งหลาย เชื่อดิฉันเถิด นรกนั้นมีจริง ดิฉันได้ถูกนำไปที่นั่นโดยพระวิญญาณหลายต่อหลายครั้งในระหว่างการเตรียมการเพื่อเขียนรายงานนี้
ในไม่ช้าเราก็ขึ้นสูงไปถึงสวรรค์ ดิฉันหันมามองที่พระเยซูคริสต์ พระองค์เต็มไปด้วยสง่าราศีและฤทธิ์อำนาจ และสันติสุขได้หลั่งไหลมาจากพระองค์ พระองค์จับแขนของดิฉันและ ตรัสว่า“เรารักเจ้า อย่ากลัวเลย เพราะว่าเราอยู่กับเจ้า”
ในช่วงนั้นเอง เราเริ่มขึ้นไปสูงยิ่งขึ้นจนสูงเสียดฟ้า และคราวนี้ ดิฉันสามารถมองเห็นโลก ณ เบื้องล่าง สูงขึ้นมาจากโลกและสถานที่กระจัดกระจายมากมายที่เป็นรูปทรงกรวยกำลังหมุนเป็นจุดศูนย์กลาง และครั้นแล้วก็กลับกระจัดกระจายตามเดิมอีก สิ่งเหล่านี้เคลื่อนสูงอยู่เหนือโลกและมองดูเหมือนยักษ์ตนหนึ่ง มีลักษณะเป็นรูปทรงกรวย สกปรก ที่เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุด กรวยเหล่านั้นกำลังปรากฏขึ้นมาตลอดทั่วทั้งโลก “สิ่งเหล่านี้คืออะไร พระเจ้าข้า” ดิฉันถามพระเยซูคริสต์ ในขณะที่เราเข้าไปใกล้สถานที่แห่งหนึ่ง
“สิ่งเหล่านี้คือประตูที่นำไปสู่นรก” พระองค์ตรัส “ เราจะเข้าไปในนรกผ่านทางหนึ่งของกรวยเหล่านี้ “
ทันใดนั้นเอง เราได้ผ่านไปในปล่องแห่งหนึ่งของปล่องทั้งหลาย ภายในปล่องของมันมองดูเหมือนท่อระบายลม มันกำลังหมุนเป็นวงกลมและหมุนกลับมาอีกเหมือนลูกข่าง
ความมืดได้เข้าจู่โจมเรา และพร้อมด้วยความืดก็มีกลิ่นที่น่าสยดสยองเสียจริง จนมันทำให้การหายใจของ ดิฉันขาดหายไป ทางด้านข้างของปล่องเหล่านี้ มีรูปร่างที่มีชีวิตถูกตรึงอยู่กับกำแพง มีสีเทาเข้ม
ร่างเหล่านี้ได้เคลื่อนไหวและร้องตะโกนใส่เราในขณะที่เราผ่านไป ดิฉันรู้โดยไม่ต้องบอกว่า พวกมันคือพวกคนชั่วร้าย

ร่างเหล่านั้นสามารถเคลื่อนไหวได้แต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกำแพง มีกลิ่นที่น่าขนลุกขนพองโชยมาจากร่างเหล่านี้ และพวกมันส่งเสียงกรีดร้อง ใส่เราด้วยเสียงที่น่ากลัวมากที่สุด ดิฉันรู้สึกถึงพลังของสิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็นตัวกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในปล่อง
ในเวลาที่อยู่ในความมืด ดิฉันสามารถอธิบายร่างเหล่านั้นได้ มีหมอกที่สกปรก ปกคลุมส่วนใหญ่ของพวกมัน “ข้าแต่พระเจ้า สิ่งเหล่านี้คืออะไรค๊ะ” ดิฉันถามในขณะที่ ดิฉันกุมมือของพระเยซูแน่น
พระองค์ตรัสว่า “สิ่งเหล่านี้คือดวงวิญญาณที่ชั่วร้ายซึ่งพร้อมแล้วที่จะผุดขึ้นมาในโลกเมื่อซาตานออกคำสั่ง “
ในขณะที่เรากำลังเดินลงไปข้างในปล่อง ร่างของพวกคนชั่วร้ายก็หัวเราะเยาะและเรียกเรา พวกมันพยายามที่จะแตะต้องเรา แต่ใม่สามารถทำได้เพราะฤทธิ์อำนาจของพระเยซู อากาศในนั้น เป็นพิษและสกปรกมาก และมีเพียงแต่การปรากฎของพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ได้ช่วยรักษาดิฉันไว้มิให้ร้องกรี๊ดออกมา เพราะ ณ เบื้องหน้านั้นช่างน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด
โอ้ ใช่แล้ว ดิฉันยังมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ ดิฉันสามารถได้ยิน ได้กลิ่น มองเห็น รู้สึกแม้กระทั่งรสชาติของความชั่วร้ายในสถานที่แห่งนี้ ถ้าหากจะมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง ก็คือประสาทสัมผัสของดิฉันกลับมีความรู้สึกไวอีกยิ่งขึ้น และกลิ่นและความสกปรกนี้ก็แทบจะทำให้ ดิฉันไม่สบาย
บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหวีดร้องในขณะที่เราได้เข้าไปใกล้ก้นปล่อง การร้องที่เสียดแทงใจได้ดังขึ้นในปล่องที่มืดเพื่อต้อนรับเรา สรรพสำเนียงทุกชนิดเต็มอยู่ในอากาศ ดิฉันสามารถรู้สึกได้ถึงความกลัว ความตายและความผิดต่อบาปที่อยู่รอบ ๆ ตัวของ ดิฉัน
กลิ่นที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ ดิฉันเคยได้กลิ่นเต็มอยู่ในอากาศ มันเป็นกลิ่นของเนื้อหนังที่กำลังเน่าเฟะ และดูเหมือนว่ากลิ่นนี้จะมาจากทุกทิศทาง ดิฉันไม่เคยได้รู้สึกถึงความชั่วร้ายหรือได้ยินเสียงร้องที่สิ้นหวังเช่นที่ว่านี้บนโลกมาก่อนเลย ในไม่ช้าต่อมาดิฉันก็ได้พบว่าเสียงร้องเหล่านี้เป็นเสียงร้องของพวกที่ได้ตายไปแล้วและได้พบว่านรกนั้น เต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญของพวกเขาเหล่านี้
ดิฉันรู้สึกถึงลมแห่งความชั่วร้ายพัดมาและรู้สึกถึงแรงกดดันขนาดเล็กอยู่เบื้องหน้าเรา แสงสว่างที่เหมือนฟ้าแลบหรือ เหมือนประกายแสงกระพริบ ส่องผ่านเข้ามาในความมืดที่มีสีดำและทำให้มีเงาเป็นสีเทาอยู่ที่กำแพง ดิฉันพอจะอธิบายถึงรูปร่างของบางสิ่งบางอย่างที่อยู่เบื้องหน้าของดิฉันได้ ดิฉันรู้สึกกลัวจนหดตัวอยู่ในความตกตะลึงเมื่อดิฉันตะหนักได้ว่าร่างนั้นเป็นงูตัวหญ่ ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้าของเรา เมื่อดิฉันดูอยู่ต่อไป ดิฉันก็ได้เห็นพวกงูที่น่าเกลียดเหล่านั้นกำลังเลื้อยไป ทั่วทุกหนทุกแห่ง
พระเยซูตรัสกับ ดิฉันว่า “ในไม่ช้านี้เราจะต้องเข้าไปทางด้านซ้ายของนรก เบื้องหน้า เจ้าจะได้เห็นความระทมทุกข์ที่ท่วมท้น ความโศกเศร้าที่น่าเวทนาและความน่าสะพรึงกลัวที่สุดที่จะบรรยายได้ จงอยู่ใกล้กับเรา และเราจะ ให้เจ้ามีกำลังและจะคุ้มครองเจ้าในขณะที่เราเดินผ่านเข้าไปในนรก”
“สิ่งที่เจ้ากำลังจะไปเห็นเป็นการเตือนอย่างหนึ่ง ” พระองค์ตรัส “หนังสือที่เจ้าเขียนจะช่วยวิญญาณมากมายให้รอดพ้นจากนรก สิ่งที่เจ้ากำลังเห็นอยู่นี้เป็นความจริง จงอย่ากลัวเลยเพราะว่าเราอยู่กับเจ้า ”
ในที่สุด พระเยซูเจ้าและดิฉันก็มาถึงปลายปล่อง เราก้าวออกไปสู่นรก ดิฉันจะพยายามใช้ความสามารถของดิฉันอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะเล่าให้ท่านฟังในสิ่งที่ดิฉันได้เห็นมา และ ดิฉันจะเล่าเรื่องนี้โดยคำสั่งของพระเจ้าที่พระองค์สั่ง ดิฉันมา
เบื้องหน้าเรา เท่าที่ ดิฉันสามารถเห็นได้ เป็นวัตถุที่กำลังโผบินไปที่นี่และที่นั่น บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงครวญครางและเสียงร้องที่น่าสงสาร ตรงหน้าดิฉันนั่นเอง ดิฉันมองเห็นแสงสว่างสลัว ๆ และเราเริ่มเดินตรงไปที่แสงสว่างนี้ เส้นทางเดินนั้นแห้ง เต็มไปด้วยฝุ่นสกปรก ในไม่ช้าเราก็ได้มาถึงทางเข้าไปในปล่องเล็ก ๆ ที่มืด
มีบางอย่างที่ดิฉันไม่สามารถเขียนลงไปในกระดาษได้ เพราะมันน่ากลัวเกินกว่าที่จะเขียนบรรยาย ความกลัวในนรกนั้นสามารถลิ้มรสได้ และดิฉันรู้ว่า ถ้าหากดิฉันมิได้มากับพระเยซูแล้ว ดิฉันก็ไม่อาจที่จะกลับมาได้เลย ในการเขียนเรื่องนี้ บางสิ่งที่ดิฉันได้พบเห็น ดิฉันไม่สามารถเข้าใจได้ แต่พระเจ้า รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง และพระองค์ช่วยดิฉันให้เข้าใจมากที่สุดถึงสิ่งที่ดิฉันได้ไปเห็นมา
ขอให้ดิฉันเตือนท่านว่า จงอย่าไปในสถานที่แห่งนั้นเลย เพราะมันเป็นสถานที่ที่น่ากลัว ทรมาน เจ็บปวดที่รุนแรงที่สุดและเป็นสถานที่ แห่งความโศกเศร้าที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ วิญญาณของท่านจะมีชีวิตอยู่เสมอไป วิญญาณของท่านจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล มันเป็นท่านเองอย่างแท้จริงและเป็น วิญญาณของท่านเองที่จะไปยังสวรรค์หรือนรกในที่ใดที่หนึ่ง
สำหรับพวกท่านที่คิดว่า นรกนั้นอยู่ที่นี่บนโลกนี้ เอาละ ท่านคิดถูกแล้ว มันเป็นเช่นนั้น นรกนั้นอยู่ในศูนย์กลางของโลก และมีดวงวิญญาณกำลังถูกทรมานอยู่ในนรกนั้นทั้งกลางคืนและกลางวัน ไม่มีหมู่คณะ ในนรกไม่มีความรัก ไม่มีความเมตตาสงสาร ไม่มีเวลาพัก มีเพียงสถานที่แห่งความโศกเศร้าอยู่เหนือความเชื่อของท่านเท่านั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น